สวัสดีครับท่านผู้ชมทุกท่าน วันนี้กระผมจะพาทุกท่านไปรู้จักกับเครื่องดนตรีสากลประเภทสายที่มีชื่อว่า เชลโล ไปทำความรู้จักกับเครื่องดนตรีชนิดนี้กันเลย
Cello
เชลโล (Cello)
ชื่อเต็มๆ ของเชลโล คือ Violon Cello หรือที่เรียกกันว่า Cello ซึ่งชื่อเต็มๆ มีความหมายว่า ซอเบสวิโอล ขนาดเล็ก (little bass viol) แต่ต่อมาได้เรียกให้สั้นลงแต่ยังคงความหมายเดิมอยู่ แต่ที่น่าแปลกคือแม้ว่าเชลโลจะเป็นที่ยอมรับอย่างรวดเร็ว แต่ชื่อของมันเพิ่งจะมีขึ้นในศตวรรษที่ 17 นี่เอง นับเป็นเวลานานหลายศตวรรษทีเดียวหลังจากที่เชลโลได้ถือกำเนิดขึ้นมา หลักฐานในช่วงแรกๆ ที่กล่าวถึงที่มาของเชลโลนั้นค่อนข้างสับสน หลักฐานแรกคือ Basso di viola da braccio ก็ดูเป็นไปได้ยาก แต่เครื่องดนตรี Bass violin ของอังกฤษนั้นดูจะใกล้เคียงกว่า เช่นเดียวกับ Bass de violon ของฝรั่งเศส แม้ว่าจริงๆ แล้วเครื่องดนตรีทั้ง 2 ชนิดจะไม่สามารถอธิบายถึงที่มาของเชลโลได้ทั้งหมดก็ตาม
เชลโลนั้นตั้งเสียงเหมือนกับไวโอลินคือคู่ 5 โน้ตสำหรับเชลโลนั้นโดยปกติจะเขียนด้วยโน้ตโทนเสียงเบส นอกจากว่าเพลงนั้นจะเล่นในระดับเสียงสูงจึงจะเขียนด้วยโน้ตโทนเสียงเทอเนอร์ มีอยู่ช่วงหนึ่งประมาณศตวรรษที่ 18 โน้ตสำหรับเชลโลจะเขียนด้วยโน้ตเสียงสูงกว่าโน้ตของตัวมันเอง 1 ช่วงเสียง (Octave) ตัวอย่างเพลงสำหรับเชลโลในคีย์เสียงสูงจะพบได้ในงานประพันธ์สตริงควอเต็ทของ บีโธเฟน เป็นต้น
นักเชลโลต้องนั่งในขณะเล่น ที่ท้ายของเชลโลมีเหล็กแหลมยาวช่วยยึดเชลโลให้อยู่ติดกับพื้นและผู้เล่น สามารถใช้เข่าประคองเชลโลไว้ ถึงแม้ว่าจะมีลักษณะคล้ายไวโอลินแต่เชลโลไม่ก็ไม่ได้สร้างด้วยสัดส่วนเดียว กันทั้งหมด โดยลดขนาดความยาวของลำตัวลงแต่เพิ่มความหนาขึ้น ดังนั้นนักเชลโลจึงไม่ได้รับเสียงที่ออกมาจากตัวของเชลโลเช่นเดียวกับที่นัก ไวโอลินได้รับจากไวโอลิน
เชลโลสามารถเล่นได้เกือบทุกเทคนิคเช่นเดียวไวโอลินไม่ว่าจะเป็น อาร์เปจโจ คอร์ด ฮาร์โมนิค และเทคนิคอื่นๆ อีกมากมาย อย่างไรก็ตาม เนื่องจากคอของเชลโลมีความยาวที่มากกว่าไวโอลิน นักเชลโลจึงต้องฝึกการยืดของนิ้วมือให้ดียิ่งขึ้น ในช่วงที่ต้องเล่นโน้ตเสียงสูง นักเชลโลต้องใช้นิ้วหัวแม่มือวางบนสายเพื่อใช้หยุดเสียงและเพื่อหาตำแหน่ง ที่ถูกต้องของตัวโน้ตในแต่ละโพสิชั่น คันชักของเชลโลค่อนข้างสั้นและหนักกว่าคันชักไวโอลินเล็กน้อย โดยปกติมักมีสมดุลย์ที่พอเหมาะ แต่ไม่สามารถเล่นโน้ตได้ทีละหลายๆ ตัวในคันชักเดียวเหมือนกับคันชักของไวโอลิน
การเล่น Pizzicato เหมาะกับเสียงของเชลโลเป็นอย่างยิ่ง เพราะว่าโดยปกติแล้วเชลโลจะให้เสียงที่กังวานมากในแต่ละโน้ตที่บรรเลง หรือแม้แต่การเล่นคอร์ดด้วยการดีดสาย ดังนั้นเชลโลจึงมีความสำคัญมากในการเล่นประกอบเครื่องดนตรีอื่นๆ ทั้งเครื่องสายอื่นๆ หรือแม้แต่เครื่องลมไม้
การเล่น Pizzicato เหมาะกับเสียงของเชลโลเป็นอย่างยิ่ง เพราะว่าโดยปกติแล้วเชลโลจะให้เสียงที่กังวานมากในแต่ละโน้ตที่บรรเลง หรือแม้แต่การเล่นคอร์ดด้วยการดีดสาย ดังนั้นเชลโลจึงมีความสำคัญมากในการเล่นประกอบเครื่องดนตรีอื่นๆ ทั้งเครื่องสายอื่นๆ หรือแม้แต่เครื่องลมไม้
เชลโลนั้นตั้งเสียงเหมือนกับไวโอลินคือคู่ 5 โน้ตสำหรับเชลโลนั้นโดยปกติจะเขียนด้วยโน้ตโทนเสียงเบส นอกจากว่าเพลงนั้นจะเล่นในระดับเสียงสูงจึงจะเขียนด้วยโน้ตโทนเสียงเทอเนอร์ มีอยู่ช่วงหนึ่งประมาณศตวรรษที่ 18 โน้ตสำหรับเชลโลจะเขียนด้วยโน้ตเสียงสูงกว่าโน้ตของตัวมันเอง 1 ช่วงเสียง (Octave) ตัวอย่างเพลงสำหรับเชลโลในคีย์เสียงสูงจะพบได้ในงานประพันธ์สตริงควอเต็ทของ บีโธเฟน เป็นต้น
นักเชลโลต้องนั่งในขณะเล่น ที่ท้ายของเชลโลมีเหล็กแหลมยาวช่วยยึดเชลโลให้อยู่ติดกับพื้นและผู้เล่น สามารถใช้เข่าประคองเชลโลไว้ ถึงแม้ว่าจะมีลักษณะคล้ายไวโอลินแต่เชลโลไม่ก็ไม่ได้สร้างด้วยสัดส่วนเดียว กันทั้งหมด โดยลดขนาดความยาวของลำตัวลงแต่เพิ่มความหนาขึ้น ดังนั้นนักเชลโลจึงไม่ได้รับเสียงที่ออกมาจากตัวของเชลโลเช่นเดียวกับที่นัก ไวโอลินได้รับจากไวโอลิน
เชลโลสามารถเล่นได้เกือบทุกเทคนิคเช่นเดียวไวโอลินไม่ว่าจะเป็น อาร์เปจโจ คอร์ด ฮาร์โมนิค และเทคนิคอื่นๆ อีกมากมาย อย่างไรก็ตาม เนื่องจากคอของเชลโลมีความยาวที่มากกว่าไวโอลิน นักเชลโลจึงต้องฝึกการยืดของนิ้วมือให้ดียิ่งขึ้น ในช่วงที่ต้องเล่นโน้ตเสียงสูง นักเชลโลต้องใช้นิ้วหัวแม่มือวางบนสายเพื่อใช้หยุดเสียงและเพื่อหาตำแหน่ง ที่ถูกต้องของตัวโน้ตในแต่ละโพสิชั่น คันชักของเชลโลค่อนข้างสั้นและหนักกว่าคันชักไวโอลินเล็กน้อย โดยปกติมักมีสมดุลย์ที่พอเหมาะ แต่ไม่สามารถเล่นโน้ตได้ทีละหลายๆ ตัวในคันชักเดียวเหมือนกับคันชักของไวโอลิน
ในช่วงศตวรรษที่ 17 และ 18 เชลโลถูกใช้ในวงออร์เคสตร้าเพื่อเล่นแนวเสียงเบสคลอไปกับดับเบิ้ลเบสเท่า นั้น ในดนตรีบาโร้คเชลโลเป็นเครื่องดนตรีที่ใช้บรรเลงประกอบไปกับออร์แกนหรือ ฮารพ์สิคอร์ด และในวงดนตรีสตริง ควอเต็ทยุคแรกๆ เชลโลรับหน้าที่บรรเลงแนวเสียงเบส นานๆ ครั้งจึงจะมีโอกาสได้เล่นเป็นท่วงทำนองที่เป็นแนวดนตรีหลัก
ในผลงาน คีตนิพนธ์ของไฮเดินและโมสาร์ทนั้น เชลโลจึงได้มีแนวทางบรรเลงของตัวเอง และเป็นบีโธเฟนนั่นเองที่เป็นผู้ดึงเอาน้ำเสียงที่ยอดเยี่ยมของเชลโลมาใช้ใน งานประพันธ์ต่างๆ ของท่าน ทั้งในงานออร์เคสต้า แชมเบอร์มิวสิค และโซนาต้าสำหรับเชลโลและเปียโนจำนวน 5 บทของท่าน
คีตกวีร่วมสมัยหลายท่านได้ให้ความสำคัญกับบทบาทของเชลโลมากขึ้นเรื่อยๆ Richard Strauss ใช้เสียงของเชลโลเป็นตัวแทนของ Don ในงานประพันธ์ Don Quixote ส่วน Ernest Bloch ก็ได้ใช้เสียงของเชลโลเพื่อแทนเสียงของกษัตริย์โซโลมอนในผลงาน Schelomo ของท่าน
ส่วน Villa-Lobos ได้ประพันธ์ Bachianas Brasileira สำหรับเชลโล 8 ตัวและโซปราโน นักประพันธ์อย่าง Schumann Dvorak, Elgar, Hindemith, Barber ต่างก็ได้ประพันธ์คอนแชร์โตสำหรับเชลโลไว้เป็นหลายบทด้วยกัน (Barber ยังได้ประพันธ์โซนาต้าสำหรับเปียโนและเชลโลไว้อีกด้วย)แต่ผลงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเชลโลนั้นต้องนับย้อนหลังไปในปี คศ. 1720 คือผลงานสวีทสำหรับเดี่ยวเชลโลจำนวน 6 บทของคีตกวีชาวเยอรมัน โยฮัน เซบาสเตียน บาค ถือเป็นผลงานที่มีความท้าทายและเยี่ยมยอดที่สุดในบรรดาคีตนิพนธ์ทางดนตรีชั้นเยี่ยมทั้งหลาย
วีดีโอตัวอย่าง การเล่นเชลโล
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น